พอดีวันก่อนเห็นต้นอะไรไม่รู้ชอบมาขึ้นตามซอกหินที่บ้านแม่ค้า เลยลองหาข้อมูลดู...
ปรากฎว่าเป็นต้น"กระสัง"ซึ่งมีสรรพคุณทางยาเพียบ...วันนี้เลยเอาข้อมูลดีๆมาฝากชาวเพจ
เผื่อสนใจ..อย่ามองเค้าเป็นแค่วัชพืช...!!
ผักกะสังเป็นผักโบราณรสชาติดีที่คนไทยรู้จักกินกันมานาน โดยนำมากินเป็นผักสดหรือผักลวก
นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำแกงจืด ได้อย่างหลากหลาย ผักกะสังมีรสเผ็ดหอมเป็นพี่น้องกับพริกไทย
แต่รสชาติดีกว่ามาก ผักกระสังเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีลำต้นอวบน้ำ สีเขียวใส สูง ประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร กินได้ทั้งดิบและสุก บางคนก็นำไปใส่ในแกงเลียง แกงอ่อม หรือแกงป่าทั่วไป แต่บางคนที่ชอบกินสด ก็จะเอาไปกินคู่กับน้ำพริก แต่ถ้าจะกินคู่กับน้ำพริกนั้นต้องเก็บต้นอ่อนที่งอกออกใหม่ แต่ถ้ากินต้นแก่ก็ไม่มีปัญหา
ชื่ออื่น : ผักกระสัง (อำนาจเจริญ)ชากรูด (ภาคใต้) ตาฉี่โพ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ผักกระสัง (ภาคกลาง)
ผักกูด (เพชรบุรี) ผักราชวงศ์ (แม่ฮ่องสอน) ผักสังเขา (สุราษฎร์ธานี) ผักฮากกล้วย (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Peperomia pellucida Korth
วงศ์ : PEPEROMIAEAE
ชื่อสามัญ : Peperomia
แหล่งที่พบ พบทั่วไปของทุกภาค
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น เป็นพืชล้มลุกต้นมีขนาดเล็กสูง 10 – 20 ซม. ลำต้นอวบน้ำขาวใสเปราะหักง่าย
ใบ ใบสีเขียวเป็นใบเดี่ยวออกจากลำต้นในลักษณะตรงข้าม ใบเป็นรูปหัวใจขอบใบเรียบ
แผ่นใบหนาเป็นคลื่นเล็กน้อย
ดอก ออกดอกเป็นช่อตามปลายยอด ช่อดอกมีสีเขียวอ่อนหรือสีครีม
ต้นผักกระสังนี้ ให้พลังงาน 10 แคลอรี่ ต่อ 100 กรัม และยังมีวิตามินซีถึง 15 มิลลิกรัมเลยนะ ผักกระสังเป็นผักที่เปราะง่าย ใบจะมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจสีเขียว ดอกออกเป็นช่อตามปลายยอด ช่อดอกก็มีสีเขียวอ่อนเช่นกัน ผักกระสัง เจริญเติบโตได้ทั้งปี และชอบที่ชุ่มชื่น
สรรพคุณทางยาของผักกระสัง หมอยาพื้นบ้านมักจะใช้ผักกระสังตำพอกฝี หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง
ผักกระสังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ใบยังนำมารักษาโรคลักปิดลักเปิด แก้ไข้ แก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ และยังเชื่อว่าการใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้าจะทำให้ผิวสวย ปัจจุบันมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบมีฤทธิ์แก้ปวด และไม่มีพิษภัยที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการกินผักกระสังสดๆ
หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าต์และข้ออักเสบ โดยวิธีการต้มให้นำผักกระสังประมาณ๑ กำมือ ต้มกับน้ำ ท่วมยา ให้เหลือประมาณ ๑ แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น นอกจากนี้ชาวฟิลิปปินส์ยังใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง ส่วนในมาเลเซียเชื่อว่าการรับประทานผักกระสังจะช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma) การศึกษาวิจัยในปัจจุบันยังพบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมี วิตามินซีสูง เรียกได้ว่าวิตามินซีน้องๆ มะนาว คือ มะนาว ๑๐๐ กรัมมีวิตามินซี ๒๐ มิลลิกรัม ส่วนผักกระสังมีอยู่ ๑๘ มิลลิกรัม ในบ้านเราสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เคยวิเคราะห์หาธาตุอาหารในพืชผักต่างๆ พบว่าผักกระสัง ๑ ขีด หรือ ๑๐๐ กรัม มีเบต้า – แคโรทีนราว ๒๘๕ ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล
เนื่องจากในผักกระสัง มีสรรพคุณทางยาในการรักษาเริมและมะเร็งเต้านม ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกระสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกระสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ ๑ คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกระสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่า ทึ่งตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกระสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวด คุณสารีป๊ะ อาแวกือจิ ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกวั๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา มีประสบการณ์การใช้ผักกระสังบอกว่า ผักกระสังเป็นยาสระผมทำให้ผมนุ่มโดยนำใบขยำกับน้ำชโลมศีรษะให้ศีรษะเย็น ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมนุ่ม เพราะในผักกระสังมีธาตุอาหาร มีความเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
ผักกะสังเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นยามายาวนาน ในโบลิเวียมีบันทึกที่มีอายุนับพันปีชื่อ Altenos Indians document กล่าวไว้ว่า ผักกระสังทั้งต้นบดผสมน้ำใช้กินเพื่อห้ามเลือด ใช้ส่วนรากต้มกินรักษาไข้ ใช้ส่วนเหนือดินโปะแผล นอกจากนี้ ในประเทศอื่นๆ ที่มีผักกระสังขึ้นอยู่จะใช้ผักกระสังในการรักษาอาการปวดท้องทั้งแบบธรรมดา และปวดเกร็ง ฝี สิว แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก อ่อนเพลีย ปวดหัว ระบบประสาทแปรปรวน หัด อีสุกอีใส มีแก๊สในกระเพาะ ปวดข้อรูมาติก และยังมีการใช้เฉพาะบางท้องถิ่น
ในประเทศบราซิลก็ใช้ในการลดคอเลสเตอรอล ในกียานา (Guyana) ใช้ในการขับปัสสาวะ ลดไข่ขาวในปัสสาวะ ในแถบอเมซอนใช้ขับปัสสาวะ หล่อลื่น หัวใจเต้นผิดปกติ ส่วนในมาเลเซียเชื่อว่าการรับประทานผักกระสังจะช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma) ปัจจุบันมีสารสกัดจากผักกระสังจำหน่ายในต่างประเทศ
ผักกะสังถือว่าเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีการศึกษาวิจัยในปัจจุบันพบว่าผักกะสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและ มีวิตามินซีสูง เรียกได้ว่าวิตามินซีน้องๆ มะนาว คือมะนาว 100 กรัม มีวิตามินซี 20 มิลลิกรัม ส่วนผักกะสังมีอยู่ 18 มิลลิกรัม และในผักกะสัง 1 ขีด หรือ 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีน ราว 285 ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่จะบอกว่าผักกะสังเป็นผักต้านมะเร็ง โดยเฉพาะการกินเป็นผักสด
ผักกะสัง…รักษาโรคลักปิดลักเปิด ในตำรายาไทยระบุไว้ว่าใบของผักกะสังใช้ในการรักษาโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งพอจะอธิบายได้ว่า ในผักกะสังมีวิตามินซีและสารอาหารสูง ซึ่งการรักษานั้นใช้ทั้งการกินและการบดต้นแปะบริเวณที่เลือดออกตามไรฟัน
ผักกะสัง…รักษา เริม ฝี มะเร็งเต้านม
หมอยาพื้นบ้านของไทยใช้ผักกะสังเป็นยาไม่มากนักส่วนใหญ่ใช้พอกฝีและสิวโดย ใช้ต้นสดตำพอกฝี หรือใช้น้ำคั้นทาสิว ในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง และโรคผิวหนังอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาสมัยใหม่พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้าน แบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น
“ผักกะสังรักษาเริมและมะเร็งเต้านม” ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกะสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกะสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ ๑ คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกะสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่าทึ่ง ตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกะสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวดผักกะสัง…แก้อักเสบ ข้ออักเสบ เก๊าท์
หมอยาพื้นบ้านบางคนบอกว่ากินผักกะสังแก้ปวดข้อ ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์มีการกินผักกะสังสดๆ หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าท์และข้ออักเสบ โดยนำผักกะสังต้นยาวสัก ๒๐ เซนติเมตร ต้มกับน้ำ ๒ แก้ว ให้เหลือประมาณ ๑ แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น ปัจจุบันผักกะสังเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่ฟิลิปปินส์กำลังศึกษาวิจัยเพื่อใช้ เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคเก๊าท์จากการที่ผักกระสังสามารถลดปริมาณ กรดยูริคในกระแสเลือด
ผักกะสัง…บำรุงผิว บำรุงผม
ผักกะสังยังเป็นสมุนไพรสำหรับผู้หญิงอีกชนิดหนึ่งนอกจากใช้รักษาสิวแล้ว สาวๆ สมัยก่อนยังใช้น้ำต้มผักกะสังล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหน้าสดใส และนอกจากนี้ คุณสารีป๊ะ อาแวกือจิ ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกวั๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา บอกว่าผักกะสังเป็นยาสระผมทำให้ผมนุ่มโดยนำใบขยำกับน้ำชโลมศีรษะให้ศีรษะ เย็น ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมนุ่ม ซึ่งอธิบายได้ว่าผักกะสังมีธาตุอาหาร มีความเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
ผักกะสังยังหาง่ายมาก โดยเฉพาะในหน้าฝน เพียงแต่มองหาในที่ชื้นๆ รอบกระถางต้นไม้ ที่เราชอบถอนทิ้งเป็นประจำ หน้าตาผักกะสังเห็นครั้งเดียวก็จำได้ แต่ก็น่าแปลกใจชื่อก็เป็นผักแต่คนไม่ยักนิยมเอามากิน ทั้งที่รสชาติดีมาก ไม่ยากถ้าจะลอง ยำผักกะสัง
ยำผักกะสังโด่ง ดังขึ้นจากการที่หมู่บ้านดงบัง ได้พลิกผันตนเองจากเกษตรเคมีมาปลูกสมุนไพรแบบเกษตรอินทรีย์ทำให้ได้กล้ากลับ มาเก็บผักพื้นบ้านรอบๆ ตัวมากินอีกครั้งหนึ่ง และได้พยายามพัฒนาตนเองเพื่อเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการค้นหาเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน สิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญนอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว แม่บ้านของชุมชนนี้ทำอาหารอร่อยมาก เช่น แกงบอน แกงปลาดุกใส่ไพลดำ ยำผักกะสังและตำรับอาหารอื่นๆ อีกมากมาย แต่เมื่อเปิดตลาดออกไปอาหารที่รับความนิยมสูงสุด คือ ยำผักกะสัง มีสื่อมวลชนมากมายไปชิมและนำสูตรมาเผยแพร่ ปัจจุบันสูตร “ยำผักกะสัง” ของหมู่บ้านดงบังเป็นที่รู้จักกันดี
สูตรยำผักกะสังยำผักกะสัง ทำได้ง่าย ๆ หั่นผักชิ้นพอประมาณ 1-2 ทัพพี น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแห้งทอดพอประมาณ มะม่วงซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ หัวหอมซอยพอประมาณ แครอทซอยฝอย ๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสงคั่วพอประมาณ ขิงซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ หมูหยองพอประมาณ โหระพา สะระแหน่ ไว้แต่งรส น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นรวมเครื่องปรุงทุกอย่าง เข้าด้วยกัน ปรุงรสตามชอบใจ พร้อมตักเสิร์ฟได้เลย
ข้อควรระวัง
ในผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชที่เป็นเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทาน
ผักกะสังยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมายเช่นการแก้อักเสบ ตำรับนี้จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องข้ออักเสบ ต้อหิน(glaucoma) เป็นต้นในยุคคนไทยปีหนึ่งๆ ตายจากโรคมะเร็งปีละไม่น้อยกว่า 60,000 คน ดังนั้นเมนูยำผักกะสังของหมู่บ้านดงบังนี้ทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : เกษตรพอเพียงคลับ.คอม
ปรากฎว่าเป็นต้น"กระสัง"ซึ่งมีสรรพคุณทางยาเพียบ...วันนี้เลยเอาข้อมูลดีๆมาฝากชาวเพจ
เผื่อสนใจ..อย่ามองเค้าเป็นแค่วัชพืช...!!
ผักกะสังเป็นผักโบราณรสชาติดีที่คนไทยรู้จักกินกันมานาน โดยนำมากินเป็นผักสดหรือผักลวก
นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำแกงจืด ได้อย่างหลากหลาย ผักกะสังมีรสเผ็ดหอมเป็นพี่น้องกับพริกไทย
แต่รสชาติดีกว่ามาก ผักกระสังเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีลำต้นอวบน้ำ สีเขียวใส สูง ประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร กินได้ทั้งดิบและสุก บางคนก็นำไปใส่ในแกงเลียง แกงอ่อม หรือแกงป่าทั่วไป แต่บางคนที่ชอบกินสด ก็จะเอาไปกินคู่กับน้ำพริก แต่ถ้าจะกินคู่กับน้ำพริกนั้นต้องเก็บต้นอ่อนที่งอกออกใหม่ แต่ถ้ากินต้นแก่ก็ไม่มีปัญหา
ชื่ออื่น : ผักกระสัง (อำนาจเจริญ)ชากรูด (ภาคใต้) ตาฉี่โพ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ผักกระสัง (ภาคกลาง)
ผักกูด (เพชรบุรี) ผักราชวงศ์ (แม่ฮ่องสอน) ผักสังเขา (สุราษฎร์ธานี) ผักฮากกล้วย (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Peperomia pellucida Korth
วงศ์ : PEPEROMIAEAE
ชื่อสามัญ : Peperomia
แหล่งที่พบ พบทั่วไปของทุกภาค
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น เป็นพืชล้มลุกต้นมีขนาดเล็กสูง 10 – 20 ซม. ลำต้นอวบน้ำขาวใสเปราะหักง่าย
ใบ ใบสีเขียวเป็นใบเดี่ยวออกจากลำต้นในลักษณะตรงข้าม ใบเป็นรูปหัวใจขอบใบเรียบ
แผ่นใบหนาเป็นคลื่นเล็กน้อย
ดอก ออกดอกเป็นช่อตามปลายยอด ช่อดอกมีสีเขียวอ่อนหรือสีครีม
ต้นผักกระสังนี้ ให้พลังงาน 10 แคลอรี่ ต่อ 100 กรัม และยังมีวิตามินซีถึง 15 มิลลิกรัมเลยนะ ผักกระสังเป็นผักที่เปราะง่าย ใบจะมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจสีเขียว ดอกออกเป็นช่อตามปลายยอด ช่อดอกก็มีสีเขียวอ่อนเช่นกัน ผักกระสัง เจริญเติบโตได้ทั้งปี และชอบที่ชุ่มชื่น
สรรพคุณทางยาของผักกระสัง หมอยาพื้นบ้านมักจะใช้ผักกระสังตำพอกฝี หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝีที่มีหนอง
ผักกระสังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ใบยังนำมารักษาโรคลักปิดลักเปิด แก้ไข้ แก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ และยังเชื่อว่าการใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้าจะทำให้ผิวสวย ปัจจุบันมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบมีฤทธิ์แก้ปวด และไม่มีพิษภัยที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการกินผักกระสังสดๆ
หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าต์และข้ออักเสบ โดยวิธีการต้มให้นำผักกระสังประมาณ๑ กำมือ ต้มกับน้ำ ท่วมยา ให้เหลือประมาณ ๑ แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น นอกจากนี้ชาวฟิลิปปินส์ยังใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง ส่วนในมาเลเซียเชื่อว่าการรับประทานผักกระสังจะช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma) การศึกษาวิจัยในปัจจุบันยังพบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมี วิตามินซีสูง เรียกได้ว่าวิตามินซีน้องๆ มะนาว คือ มะนาว ๑๐๐ กรัมมีวิตามินซี ๒๐ มิลลิกรัม ส่วนผักกระสังมีอยู่ ๑๘ มิลลิกรัม ในบ้านเราสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เคยวิเคราะห์หาธาตุอาหารในพืชผักต่างๆ พบว่าผักกระสัง ๑ ขีด หรือ ๑๐๐ กรัม มีเบต้า – แคโรทีนราว ๒๘๕ ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล
เนื่องจากในผักกระสัง มีสรรพคุณทางยาในการรักษาเริมและมะเร็งเต้านม ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกระสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกระสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ ๑ คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกระสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่า ทึ่งตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกระสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวด คุณสารีป๊ะ อาแวกือจิ ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกวั๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา มีประสบการณ์การใช้ผักกระสังบอกว่า ผักกระสังเป็นยาสระผมทำให้ผมนุ่มโดยนำใบขยำกับน้ำชโลมศีรษะให้ศีรษะเย็น ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมนุ่ม เพราะในผักกระสังมีธาตุอาหาร มีความเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
ผักกะสังเป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นยามายาวนาน ในโบลิเวียมีบันทึกที่มีอายุนับพันปีชื่อ Altenos Indians document กล่าวไว้ว่า ผักกระสังทั้งต้นบดผสมน้ำใช้กินเพื่อห้ามเลือด ใช้ส่วนรากต้มกินรักษาไข้ ใช้ส่วนเหนือดินโปะแผล นอกจากนี้ ในประเทศอื่นๆ ที่มีผักกระสังขึ้นอยู่จะใช้ผักกระสังในการรักษาอาการปวดท้องทั้งแบบธรรมดา และปวดเกร็ง ฝี สิว แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก อ่อนเพลีย ปวดหัว ระบบประสาทแปรปรวน หัด อีสุกอีใส มีแก๊สในกระเพาะ ปวดข้อรูมาติก และยังมีการใช้เฉพาะบางท้องถิ่น
ในประเทศบราซิลก็ใช้ในการลดคอเลสเตอรอล ในกียานา (Guyana) ใช้ในการขับปัสสาวะ ลดไข่ขาวในปัสสาวะ ในแถบอเมซอนใช้ขับปัสสาวะ หล่อลื่น หัวใจเต้นผิดปกติ ส่วนในมาเลเซียเชื่อว่าการรับประทานผักกระสังจะช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma) ปัจจุบันมีสารสกัดจากผักกระสังจำหน่ายในต่างประเทศ
ผักกะสังถือว่าเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีการศึกษาวิจัยในปัจจุบันพบว่าผักกะสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและ มีวิตามินซีสูง เรียกได้ว่าวิตามินซีน้องๆ มะนาว คือมะนาว 100 กรัม มีวิตามินซี 20 มิลลิกรัม ส่วนผักกะสังมีอยู่ 18 มิลลิกรัม และในผักกะสัง 1 ขีด หรือ 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีน ราว 285 ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่จะบอกว่าผักกะสังเป็นผักต้านมะเร็ง โดยเฉพาะการกินเป็นผักสด
ผักกะสัง…รักษาโรคลักปิดลักเปิด ในตำรายาไทยระบุไว้ว่าใบของผักกะสังใช้ในการรักษาโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งพอจะอธิบายได้ว่า ในผักกะสังมีวิตามินซีและสารอาหารสูง ซึ่งการรักษานั้นใช้ทั้งการกินและการบดต้นแปะบริเวณที่เลือดออกตามไรฟัน
ผักกะสัง…รักษา เริม ฝี มะเร็งเต้านม
หมอยาพื้นบ้านของไทยใช้ผักกะสังเป็นยาไม่มากนักส่วนใหญ่ใช้พอกฝีและสิวโดย ใช้ต้นสดตำพอกฝี หรือใช้น้ำคั้นทาสิว ในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง และโรคผิวหนังอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาสมัยใหม่พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้าน แบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น
“ผักกะสังรักษาเริมและมะเร็งเต้านม” ความรู้นี้ไม่ค่อยแพร่หลายนักแต่แมะ (มือลอ มะแซ) ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาบอกว่า ผักกะสังเป็นยารักษาเริม มะเร็งเต้านม และฝี ในการรักษาเริมนั้นจะนำต้นผักกะสังผสมกับขมิ้นและข้าวสาร (ฮูยงงูกุมาตอกูยิ) ตำให้ละเอียดแล้วพอกทิ้งไว้ ๑ คืน และนำใบมาตำขยำแปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม แก้มะเร็งเต้านม ข้อมูลที่ว่าผักกะสังใช้รักษามะเร็งนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยและเป็นที่น่าทึ่ง ตรงที่ว่ามีรายงานการศึกษาพบว่า สารในผักกะสังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วย นอกเหนือไปจากการแก้อักเสบและแก้ปวดผักกะสัง…แก้อักเสบ ข้ออักเสบ เก๊าท์
หมอยาพื้นบ้านบางคนบอกว่ากินผักกะสังแก้ปวดข้อ ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์มีการกินผักกะสังสดๆ หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าท์และข้ออักเสบ โดยนำผักกะสังต้นยาวสัก ๒๐ เซนติเมตร ต้มกับน้ำ ๒ แก้ว ให้เหลือประมาณ ๑ แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น ปัจจุบันผักกะสังเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่ฟิลิปปินส์กำลังศึกษาวิจัยเพื่อใช้ เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคเก๊าท์จากการที่ผักกระสังสามารถลดปริมาณ กรดยูริคในกระแสเลือด
ผักกะสัง…บำรุงผิว บำรุงผม
ผักกะสังยังเป็นสมุนไพรสำหรับผู้หญิงอีกชนิดหนึ่งนอกจากใช้รักษาสิวแล้ว สาวๆ สมัยก่อนยังใช้น้ำต้มผักกะสังล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหน้าสดใส และนอกจากนี้ คุณสารีป๊ะ อาแวกือจิ ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกวั๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา บอกว่าผักกะสังเป็นยาสระผมทำให้ผมนุ่มโดยนำใบขยำกับน้ำชโลมศีรษะให้ศีรษะ เย็น ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมนุ่ม ซึ่งอธิบายได้ว่าผักกะสังมีธาตุอาหาร มีความเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
ผักกะสังยังหาง่ายมาก โดยเฉพาะในหน้าฝน เพียงแต่มองหาในที่ชื้นๆ รอบกระถางต้นไม้ ที่เราชอบถอนทิ้งเป็นประจำ หน้าตาผักกะสังเห็นครั้งเดียวก็จำได้ แต่ก็น่าแปลกใจชื่อก็เป็นผักแต่คนไม่ยักนิยมเอามากิน ทั้งที่รสชาติดีมาก ไม่ยากถ้าจะลอง ยำผักกะสัง
ยำผักกะสังโด่ง ดังขึ้นจากการที่หมู่บ้านดงบัง ได้พลิกผันตนเองจากเกษตรเคมีมาปลูกสมุนไพรแบบเกษตรอินทรีย์ทำให้ได้กล้ากลับ มาเก็บผักพื้นบ้านรอบๆ ตัวมากินอีกครั้งหนึ่ง และได้พยายามพัฒนาตนเองเพื่อเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการค้นหาเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน สิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญนอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว แม่บ้านของชุมชนนี้ทำอาหารอร่อยมาก เช่น แกงบอน แกงปลาดุกใส่ไพลดำ ยำผักกะสังและตำรับอาหารอื่นๆ อีกมากมาย แต่เมื่อเปิดตลาดออกไปอาหารที่รับความนิยมสูงสุด คือ ยำผักกะสัง มีสื่อมวลชนมากมายไปชิมและนำสูตรมาเผยแพร่ ปัจจุบันสูตร “ยำผักกะสัง” ของหมู่บ้านดงบังเป็นที่รู้จักกันดี
สูตรยำผักกะสังยำผักกะสัง ทำได้ง่าย ๆ หั่นผักชิ้นพอประมาณ 1-2 ทัพพี น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแห้งทอดพอประมาณ มะม่วงซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ หัวหอมซอยพอประมาณ แครอทซอยฝอย ๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสงคั่วพอประมาณ ขิงซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ หมูหยองพอประมาณ โหระพา สะระแหน่ ไว้แต่งรส น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นรวมเครื่องปรุงทุกอย่าง เข้าด้วยกัน ปรุงรสตามชอบใจ พร้อมตักเสิร์ฟได้เลย
ข้อควรระวัง
ในผู้ที่แพ้พืชที่มีกลิ่นฉุนประเภท Mustard (พืชที่เป็นเครื่องเทศทั้งหลาย) ไม่ควรรับประทาน
ผักกะสังยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมายเช่นการแก้อักเสบ ตำรับนี้จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องข้ออักเสบ ต้อหิน(glaucoma) เป็นต้นในยุคคนไทยปีหนึ่งๆ ตายจากโรคมะเร็งปีละไม่น้อยกว่า 60,000 คน ดังนั้นเมนูยำผักกะสังของหมู่บ้านดงบังนี้ทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : เกษตรพอเพียงคลับ.คอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น